loading
ลงทะเบียนนัด DEMO ออนไลน์
JLL คาดมูลค่าซื้อขายอาคารสำนักงานและที่ดินในไทยเพิ่มขึ้น
: 18 พฤศจิกายน 2563 | :

ตลาดการลงทุนซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในเอเชียแปซิฟิกสำหรับไตรมาส 3 ที่ผ่านมาเริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัว ด้วยมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 35% จากไตรมาส 2 แม้จะยังคงต่ำกว่าไตรมาส 3 ของปีที่แล้ว 19% ทั้งนี้ การซื้อขายส่วนใหญ่เกิดขึ้นในหัวเมืองใหญ่ของภูมิภาค หลังความเชื่อมั่นนักลงทุนปรับตัวดีขึ้นจากช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ตามการรายงานจากบริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เจแอลแอล

ตลาดที่มีมูลค่าการลงทุนซื้อขายสูงสุดในไตรมาสที่ผ่านมา ได้แก่ จีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ซึ่งมีการผ่อนคลายการล็อกดาวน์กิจกรรมทางด้านเศรษฐกิจ นอกจากนี้ กรุงโตเกียวและกรุงโซล ยังติดอันดับเมืองที่มีมูลค่าการลงทุนซื้อขายอสังหาฯ สูงสุดในโลกในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้

ในขณะเดียวกัน ตลาดที่โดยปกติมีการลงทุนมูลค่าสูง เช่น ออสเตรเลีย และฮ่องกง ยังคงมีภาวะซบเซา เช่นเดียวกับประเทศไทย ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงรอดูสถานการณ์ ในขณะที่มาตรการคุมเข้มการเดินทางระหว่างประเทศ ยังเป็นข้อจำกัดสำหรับการเดินทางของนักลงทุนต่างชาติ

นายสจ๊วต โครว์ ซีอีโอหน่วยธุรกิจบริการด้านการลงทุนภาคพื้นที่เอเชียแปซิฟิก เจแอลแอล กล่าวว่า “ตลาดการลงทุนซื้อขายอสังหาฯ ของภูมิภาคปรับตัวดีขึ้นมากในไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งแม้ความไม่แน่นอนจะยังคงดำเนินต่อไป แต่เชื่อว่า ตลาดน่าจะกำลังขยับออกจากจุดต่ำสุด และจะปรับตัวดีขึ้นต่อในไตรมาสสุดท้ายของปี”

โดย เจแอลแอล ระบุถึงแนวโน้มสำคัญๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมาดังนี้ อสังหาฯ เชิงอุตสาหกรรม มีการลงทุนซื้อขายเพิ่มขึ้นมากที่สุด โดยมีมูลค่าปรับเพิ่มขึ้น 76% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนซื้อขายอสังหาฯ กลุ่มโลจิสติกส์ (โกดัง-ศูนย์กระจายสินค้า) และดาต้าเซ็นเตอร์ โดยมูลค่าการลงทุนซื้อขายอสังหาฯ กลุ่มนี้มีสัดส่วนคิดเป็น 70% และ 31% ของมูลค่าการลงทุนซื้อขายที่เกิดขึ้นทั้งหมดในญี่ปุ่นและจีน ตามลำดับ

ส่วนการลงทุนในเอเชียแปซิฟิกสำหรับไตรมาส 3 ปีนี้เทียบกับไตรมาส 3 ของปีที่แล้ว อสังหาฯ กลุ่มอาคารสำนักงานมีมูลค่าปรับลดลง 35% ศูนย์การค้าลดลง 51% และโรงแรมลดลง 87%นักลงทุนสถาบันเริ่มกลับเข้ามาลงทุนมากขึ้นในไตรมาสที่ผ่านมา หลังจากชะลอการลงทุนในช่วงครึ่งปีแรก เพื่อรอดูสถานการณ์ต้นทุนเงินทุน (Cost of Capital) ปรับตัวลดลงมากในช่วงที่ผ่านมาของปีนี้ ซึ่งช่วยเพิ่มกำลังการซื้อให้แก่นักลงทุน และเป็นปัจจัยหนึ่งที่ดึงดูดให้นักลงทุนกลับมาลงทุนในตลาดอสังหาฯ

น.ส.เรจินา ลิม หัวหน้าฝ่ายวิจัยประจำหน่วยธุรกิจบริการการลงทุนภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกของเจแอลแอล กล่าวว่า นักลงทุนจำนวนมากเริ่มกลับเข้ามาลงทุนในตลาดอสังหาฯ ของเอเชียแปซิฟิก และให้ความสนใจเป็นพิเศษในการซื้ออสังหาฯ กลุ่มโลจิสติกส์และดาต้าเซ็นเตอร์ในเอเชียเหนือ ส่วนในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ เชื่อว่า การลงทุนจะกระจายตัวออกไปในส่วนอื่นของภูมิภาคมากขึ้น รวมถึงอสังหาฯ กลุ่มอื่นๆ ด้วย

นายไมเคิล แกลนซี หัวหน้ากลุ่มธุรกิจตัวแทนซื้อขายให้เช่าของเจแอลแอลในประเทศไทย กล่าวว่า เนื่องจากในระหว่างนี้ผู้ประกอบการและเจ้าของอสังหาฯ ในไทยมีการปรับกลยุทธ์เกี่ยวพอร์ตอสังหาฯ และแผนลงทุนของตนเอง ทำให้มีโอกาสใหม่ๆ เกิดขึ้นสำหรับนักลงทุน ดังจะเห็นตัวอย่างได้จากการเริ่มมีเจ้าของโครงการอาคารสำนักงานบางรายพิจารณาการขายโครงการ ซึ่งมีทั้งที่เป็นอาคารเก่า อาคารสร้างเสร็จใหม่ และโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง

นอกจากนี้ ยังมีผู้ประกอบการอสังหาฯ บางรายยกเลิกแผนการก่อสร้างโครงการ และนำที่ดินออกมาเสนอขาย ดังนั้น จากภาวะการอั้นตัวของความต้องการของนักลงทุนในช่วงที่ผ่านมา และการมีโอกาสการลงทุนเพิ่มมากขึ้น เชื่อว่า ใน 12 เดือนข้างหน้า จะมีการลงทุนซื้อขายอสังหาฯ ในประเทศไทยให้เห็นมากขึ้น+

 

 

เว็บไซต์อ้างอิง : https://mgronline.com/stockmarket/detail/9630000117979
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อน กับ LINE @FEASY

เรื่องน่าสนใจ