loading
ลงทะเบียนนัด DEMO ออนไลน์
ธุรกิจ Wellnes ใหม่จากความร่วมมือของโรงแรม x โรงพยาบาล สู่บริการ Sleep Test
: 15 มีนาคม 2565 | :

 

อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ พลิกวิกฤตโควิด-19 ปั้นแบรนด์ ANYA MEDITEC สร้างแพลตฟอร์มเชื่อมโยงเทคโนโลยี โรงพยาบาล และโรงแรม ตอบโจทย์ Wellness รับกระแสการดูแลสุขภาพทั้งไทยและเทศ สู่บริการระดับ 5ดาวของเครือโรงแรมและโรงพยาบาล ประเดิมเทคโนโลยีตรวจเช็คประสิทธิภาพการนอนหลับ ผ่านโปรแกรม Anya Sleep Test สุดหรู และโปรแกรมการตรวจสุขภาพ สู่การพักผ่อนเพื่อสุขภาพโดยเฉพาะ

นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ด้วยสถานการณ์ของการท่องเที่ยวที่หดหาย และแนวทางในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ทำให้เรามองเห็นโอกาสของการเป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงระหว่างโรงพยาบาล และโรงแรม เป็นครั้งแรก

ด้วยแบรนด์ ANYA MEDITEC คือการนำพาธุรกิจโรงพยาบาลมาสู่โรงแรม ด้วยข้อพิเศษของเทคโนโลยีที่จะช่วยให้ทุกอย่างง่ายมากว่าการประสานงานกันเอง ด้วยระยะเวลาการดำเนินงานเพียง 1 -2 เดือนก็สามารถสร้างบริการได้ทันที ช่วยเพิ่มโอกาสการสร้างรายได้ ที่ไม่ต้องรอเพียงต่างชาติเข้ามาเพียงอย่างเดียว แต่ยังสามารถตอบโจทย์ความต้องการของชาวไทยได้อย่างสมบูรณ์แบบมากขึ้น

โรงพยาบาลเกิดมาเพื่อรักษาโรค แต่กระนั้นการป้องกันโรคก็เป็นหน้าที่หนึ่งด้วย แต่การป้องกันควรสร้างในพื้นที่ต่างหาก ทำให้เรามองว่าการใช้โรงแรมเป็นสถานที่ป้องกันโรคเป็นที่เหมาะสม ยกตัวอย่างที่อาการนอนไม่หลับซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ หรือการตรวจสุขภาพ และการทำกายภาพบำบัด ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำที่โรงพยาบาลแต่อย่างใด

ANYA MEDITEC

คอนเซ็ปต์ของ Anya คือความหมายที่การรักษาที่ไม่ใช้ยา ซึ่งจะเป็นการเชื่อระหว่างโรงพยาบาลและโรงแรมด้วยเทคโนโลยีของการเชื่อมโยงข้อมูลทางการแพทย์ที่เป็นประโยชน์ ซึ่งเป็นการย้ายสถานที่ของการป้องกันโรคเข้ามาสู่สถานที่ที่เหมาะสม อันจะเป็นจุดเริ่มต้นของการป้องกันโรคที่สำคัญ

สิ่งที่เราเสนอคือโซลูชั่นของการรักษา โดยเริ่มต้นตั้งแต่การพุดคุยกับนักจิตบำบัด เพื่อแยกปัญหาที่เกิดขึ้นของการนอนไม่หลับ ซึ่งแน่นอนว่าการแก้ปัญหาของการนอนหลับคือการนอนทำสมาธิ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำได้ จึงต้องมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพื่อทำให้การนอนหลับมีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ในอนาคตยังจะมีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการติดตามผล หลัจากการวินิจฉัยทางการแพทย์ เพื่อช่วยลดภาระให้กับแพทย์ ด้วยเทคโนโลยีที่สามารถรวบรวมข้อมูลเข้าสู่หลังบ้าน ผ่านเทคโนโลยี Telemedicine ซึ่งจะตอบโจทย์ทั้งการทำกายภาพบำบัด ซึ่งจะสามารถประเมินการรักษาได้ผ่านทางวิดีโอคอนเฟอร์เรนได้เลย อีกทั้งยังมีการนำเอไอ เข้ามาช่วยวิเคราะห์อาการด้วย

การทำ Sleep Test จะช่วยประเมินคุณภาพของการนอนหลับได้อย่างีประสิทธิภาพ ด้วยเทคโนโลยีเครื่องมือ Sleep Test ซึ่งจากเดิมการตรวจในโรงพยาบาลจะมีระยะเวลาในการตรวจเพียงไม่กี่ชั่วโมง ทำให้การตรวจไม่เกิดประสิทธิภาพที่สมบูรณ์ การนอนในโรงแรมที่ดี พร้อมการตรวจวัดจะช่วยทำให้ตรวจได้ตรงมากขึ้น โดยการตรวจจะมีความละเอียดทั้งระบบหายใจระหว่างการนอนหลับ ขณะที่การรักษาจะช่วยทำให้การหายใจดีขึ้น แก้ไขปัญหาตื่นนอนไม่สดชื่น ด้วยเครื่องซีแพค จะช่วยให้อาการหยุดหายใจน้อยลง ทำให้ตื่นมาสดชื่นมากขึ้น

ทั้งนี้การตื่นนอนไม่สดชื่อ เป็นเรื่องยากของการตรวจพบ ทำให้เกิดอาการสะสมจนเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ ด้วยตัวเครื่องซีแพค ที่เป็นเครื่องขนาดเล็กที่สุดในโลก และเชื่อมต่อผ่านแอปพลิเคชั่นมือถือ ที่สามารถดึงข้อมูลทางการแพทย์ได้ภายในระยะเวลา 30วินาทีเท่านั้น ซึ่งจะช่วยให้เกิดการรักษาอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพอย่างใกล้ชิด

ANYA MEDITEC

วิธีการสังเกตว่าจะมีการสลีปเนียร์หรือไม่นั้น คือการดูที่ช่องคอ โคนลิ้นใหญ่หรือไม่ มีการปิดกั้นในช่องคอหรือไม่ โดยอาการนอนไม่หลับ ซึ่งมาจากปัญหาทางด้านจิตใจที่อาจจะเป็นเรื่องยากในการใช้เครื่องมือรักษา และทางกายภาพ ที่สามารถใช้เทคโนโลยีในการรักษาได้ และเมื่อเรารู้ว่าเราเป็นแล้วก็จะทำการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านเทคโนโลยีเครื่องช่วยหายใจดังกล่าว

แพคเกจ 3 วัน 2 คืน จะเริ่มคืนแรกในการทำ Sleep Test เพื่อวิเคราะห์อาการ และคืนที่ 2 จะเริ่มการรักษาด้วยเครื่องซีแพค ซึ่งหากมีการวินิจฉัยแล้วว่าสามารถทำการรักษาด้วยเครื่องซีแพคแล้ว ก็จะนำเครื่องกลับไปทำการรักษาต่อที่บ้าน ซึ่งจะมีทีมผู้เชี่ยวชาญดูแลผ่านระบบเครือข่ายจากเครื่องซีแพค ผ่านระบบ Telemedicine ได้เลยทันที โดยราคาค่าแพคเกจในการรักษาจะอยู่ที่ราว 2-3 หมื่น ในการเข้าพักที่ระดับโรงแรม 5 ดาว

การที่ประเทศไทยที่จะก้าวไปสู่ Medical Hub ที่มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น วันนี้เราต้องขยับไปสู่การพัฒนาที่มีระดับมากขึ้น โดยเพิ่มช่องทางการสร้างรายได้ให้กับโรงพยาบาล ซึ่งจะมีการจัดโซนของการเข้ารับการรักษา ทั้งแพคเกจ 2 คือและ 3 คืน โดยสามารถเข้าพักได้ทั้งครอบครัว ผ่านวิวของโรงแรมและท่ามกลางการท่องเที่ยวแบบพักผ่อน พร้อมกับการรักษาสุขภาพไปในตัว ซึ่งจะเป็นการเพิ่มระดับการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวที่สูงขึ้น สร้างรายได้ให้กับประเทศไทยได้อีกทางหนึ่ง

โดยตั้งเป้าการดึงโรงแรมเข้าร่วมการบริการที่ 10 แห่งแรกที่จะเปิดบริการได้หลังการรับรองเข้าเป็นพันธมิตร และตั้งเป้า 20 แห่งภายในปี 2564 ซึ่งจะทำการพัฒนาสู่การรักษาแบบโฮมเซอร์วิสต์ หรือหากมีการเพิ่มหัตถการทางการแพทย์เข้าไป ซึ่งจะมีทีมผู้เชี่ยวชาญเพื่อเตรียมสถานที่และการขอรับใบอนุญาตในบริการด้านนี้โดยเฉพาะ ขณะที่ศูนย์การติดตามและรักษาจะใช้แแพทย์ในการติดตามต่อจำนวนคนไข้ 12 คนต่อแพทย์ 1 คน

เว็บไซต์อ้างอิง : https://www.thereporter.asia/
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อน กับ LINE @FEASY

เรื่องน่าสนใจ